น้ำมันสกัดเย็น 4ชนิด
1.น้ำมันมะพร้าว 2.น้ำมันกระเทียม 3.น้ำมันรำข้าว 4.น้ำมันงาขี้ม้อน
รวมคุณค่าจากน้ำมันสกัดที่เป็นประโยชน์ ต่อร่างกาย 4 ชนิด
มีกรดไขมันสายกลาง(Medium chain fatty acid)
โอเมก้า 3(OMEGA-3), โอเมก้า 9(OMEGA-9)
วิตามินซี(Vitamin C), ฟอสฟอลิปิด(Phospholipid), เซลาไมด์(Ceramide)
แกมม่า-โอริซานอล(Gamma Oryzanol), โคคิวเทน(CO-Q10)
อัลลิซิน(Allicin), ซีสเตอิน(Cysteine) + ซีลีเนียม(Selenium) เป็นสารตั้งต้นกลูต้าไธโอน
วิตามินและเกลือแร่อีกหลายชนิดด้วยวิธีการสกัดน้ำมันต่างๆให้มีประสิทธิภาพสูงสุดคือ
"การสกัดเย็น (cold pressed)" ที่ไม่ผ่านความร้อน และสารเคมีในขั้นตอนการผลิตทั้งหมด
น้ำมันมะพร้าว
- ประกอบ ไปด้วยไขมันสายกลาง 3 ชนิด สูงสุด 63%- สามารถเปลี่ยนให้เป็นพลังงานได้เร็ว ไม่ถูกสะสมเป็นไขมัน
- ช่วยลดไขมันที่ไม่ดีในร่างกาย
- เพิ่ม HDL ทำให้หลอดเลือดสะอาดและอ่อนนุ่ม
- มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา
หลอดเลือดตีบตัน
น้ำมันกระเทียม
มีสารสำคัญหลายอย่าง เช่น กำมะถัน และ ซีลีเนียม สังกะสี
เยอร์มาเนียม และสารสำคัญอื่นอีก 33 ชนิด
การนำน้ำมันมะพร้าวรวมกับน้ำมันกระเทียมจะได้สารสำคัญออกมาคือ กรดอัลฟ่าไลโปรอิค(ALA)
ซึ่งมีคุณสมบัติ
1.ต่อต้านอนุมูลอิสระในเซลล์ได้ทั่วร่างกายและมีฤทธิ์แรงกว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ
2.ทำให้สารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆที่อยู่ในร่างกาย สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในร่างกายได้อีกครั้ง เช่น กากของวิตามินอี วิตามินซี วิตามินเอ คิวเท็น
3.เร่งการเผาผลาญลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเป็นสารพื้นฐานที่ช่วยบำบัดรักษา ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
4.ต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้หลอดเลือดยืดหยุ่นได้ดี
5.ลดการอุดตันในหลอดเลือด ป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบำให้หลอดเลือดแดงที่แข็งเปราะแตกง่าย กลับมาใช้งานได้ตามปกติ(โดยเฉพาะผู้ที่ทานยาความดันมาเป็นเวลานาน)
6.เพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนเป็นพลังงาน จึงเป็นสารที่อยู่ในโปรแกรม ลดน้ำหนักของผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักทั่วโลก
7.เพิ่มระดับสารกลูตาไธโอนในตับ ขับสารพิษที่คั่งค้างในตับ
น้ำมันรำข้าว
เกิดจากการสกัดรำข้าว มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอี ในกลุ่มโทโคฟิรอลประมาณ 19-40% และกลุ่มโทโคไตรอีนอล 51-81% และโอรีซานอลซึ่งสามารถต่อต้านสารอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตตามินอี ถึง 6 เท่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ
ลดคลอเรสเตอรอลที่ไม่ดี(LDL-C) ซึ่งมีอยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวและจมูกข้าว
น้ำมันงาขี้ม้อน
มีQ10 และ โอเมก้า 3 (ALA)อยู่มากถึง 55-60% เมื่อรับประทานน้ำมันงาขี้ม้อนเข้าสู่ร่างกาย โอเมก้า 3 จะเปลี่ยนเป็นสาร EPA,DHA
ซึ่งเป็นสารสำคัญต่อการสร้างเซลล์เมมเบรนของสมอง
มีผลเกี่ยวกับความฉลาดและความจำ ป้องกันโรคความจำเสื่อมในวัยชรา
มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด
ป้องกันโรคหัวใจและช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด
"วิธีรับประทาน"
ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ลดไขมัน และขับสารพิษที่ตับรับประทานวันละ 2 ครั้ง ตอนตื่นนอน และก่อนนอน ครั้งละ 2 เม็ด
สำหรับผู้ที่มีปัญหาหลอดเลือดตีบ อัลไซเมอร์ อัมพฤกษ์
แนะนำให้ทาน ตอนตื่นนอน ก่อนอาหารเที่ยง และก่อนนอน ครั้งละ 3 เม็ด
1 กระปุก ประกอบไปด้วย Ze-Oil 60 เม็ด
"คุณประโยชน์จาก Ze-Oil"
1. ช่วยระบบการไหลเวียนเลือดช่วยเพิ่มระดับของ HDL (โดยเฉพาะ LCAT เพิ่มขึ้น 100%), ช่วยลดระดับของ LDL (ไขมันชนิดไม่ดี)
ไตรกลีเซอไรด์ ช่วยละลายลิ่มเลือด/ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ระบบไหลเวียนเลือดทำงานเป็นปกติ
หลอดเลือดสะอาด หัวใจ,สมอง,ตับ,ไต ฯลฯ ทำงานดีขึ้น ลดการเกิดโรคหัวใจ, หัวใจวาย, หัวใจขาดเลือด,
อัมพฤกษ์, อัมพาต เป็นต้น
2. ป้องกันโรคความดันเลือดสูง
จากสารอาหารที่มีอยู่มากมาย ช่วยทำให้ระบบหลอดเลือดสะอาด หัวใจทำงานดีขึ้น
การปั้มเลือดไปเลี้ยงอวัยวะและเซลล์ต่าง ๆ ได้ทั่วถึง ช่วยทำให้การทำงานของความดันเลือดกลับสู่ความเป็นปกติ
3. ป้องกันโรคเบาหวานและบรรเทาปัญหาแทรกซ้อนจากเบาหวาน
ในน้ำมันสกัดรวม มีกรดไขมันสายกลาง,สารอัลลิซิน,ช่วยลดน้ำตาลในเลือดลดลง และยังพบว่าในน้ำมันรำข้าว
มีโครเมียม ช่วยทำให้ฮอร์โมนอินซูลิน มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีผลลดน้ำตาลในเลือดได้
ส่วนปัญหาแทรกซ้อนจากเบาหวาน เช่น ปลายประสาทอักเสบชา ไม่ค่อยมีความรู้สึก กรดอัลลฟ่าไลโปอิค
(น้ำมันมะพร้าว + กระเทียม) จะช่วยทำให้ปัญหาดังกล่าวทุเลาลงได้ดีมาก
4. ป้องกันโรคระบบสมอง / ประสาท อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน ฯลฯ
ในน้ำมันสกัดรวมมีกรดไขมันสายกลาง ซึ่งเปลี่ยนรูปเป็นพลังงานที่ต่ำและเปลี่ยนตัวเองคีโตน
คีโตนเป็นสารอาหารให้แก่เซลล์สมอง หลังจากเซลล์ได้รับพลังงานจะฟื้นตัวและ
สามารถช่วยให้ความจำดีขึ้น ยังมี Omega 3, Vitamin E, ออริซานอล รักษาความสมดุลของระบบประสาท
บำรุงสมอง ป้องกันหลอดเลือดสมองตีบตัน / แตก ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอัมพฤกษ์,อัมพาตได้
และช่วยให้เซลล์หรืออวัยวะบางส่วนสามารถซ่อมแซมตัวเองมากพอ สามารถกลับมาทำกิจกรรมต่างๆได้
เช่น เดินหรือเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
5. ป้องกันโรคที่เกี่ยวกับสายตา
อวัยวะส่วนนี้เป็นแหล่งที่ต้องการสารต้านอนุมูลมากที่สุด สารอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำมันสกัดรวมจะช่วยดูแล
และป้องกันได้ เช่น กรดอัลลฟ่าไลโปอิค (น้ำมันมะพร้าว + กระเทียม) ช่วยป้องกันโรคต้อกระจกได้
Vitamin A- เบต้าแคโรทีน ช่วยรักษาโรคตาแห้งได้และโรคที่เกี่ยวกับสายตาได้
6. ป้องกันโรคมะเร็ง
ในน้ำมันสกัดเย็น มีสารอาหารต่างๆ มากมาย (ดังกล่าวมาข้างต้น) ล้วนมีสารต้านทานอนุมูลอิสระ
และยังมีสารต้านทานระดับ Super Anti-Oxidant หรือ Universal Anti-Oxidant สารต้านทรงอนุภาพ
ซึ่งมีบทวิจัยมากมายอย่างอัลฟ่าไลโปอิคที่สามารถปิดสวิทซ์มะเร็งได้ หยุดยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ
สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง
7. ช่วยทำให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น
ดังที่ทราบกระเทียมกระตุ้นความตื่นตัวทางเพศได้เป็นอย่างดี ในน้ำมันสกัดรวมสามารถรักษาสารอาหารต่างๆ
ของกระเทียมได้ครบถ้วน และยังได้สารใหม่ที่เรียกว่า อะโจอิน (AJOIN) ที่ได้มาจากอัลลิซิน ซึ่งสารอะโจอิน
ให้ประสิทธิภาพได้ดีกว่าหลายเท่า จึงมีผลในการเพิ่มสมรรถนะทางเพศอย่างชัดเจน
8. ป้องกันโรคตับแข็ง ไวรัสลงตับ
ในน้ำมันสกัดรวมมีกรดไขมันสายปานกลาง เป็นน้ำมันชนิดเดียวที่ตรงไปยังตับแล้วเผาผลาญเป็นพลังงาน
ช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับให้กลับคืนมาทำงานได้ดีขึ้น และกรดไขมันสายกลางมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย
เชื้อรา จึงสามารถกำจัดไวรัสบางชนิดได้และค่าของตับที่สูงเกินมาตรฐานสาเหตุจากยา และสารเคมีที่
ตกค้างในตับ กรดไขมันสารกลางและกระเทียมช่วยกำจัดสิ่งตกค้างออกจากตับได้ ทำให้ค่าตับกลับสู่ค่าปกติได้
9. ช่วยระบบกระดูกและข้อ
ในน้ำมันสกัดรวมประกอบไปด้วยกรดไขมันที่สำคัญต่อร่างกาย ต่อกระดูกโดยตรงช่วยเพิ่มการหล่อลื่น
ภายในข้อให้ดีขึ้น ลดการอักเสบของข้อ ทำให้การเคลื่อนไหวของข้อต่าง ๆ สะดวกขึ้น
10. ช่วยลดความอ้วนและระบบเผาผลาญทำงานได้ดี
เป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำมันถั่วเหลือง ทานตะวัน ฯลฯ ที่เราบริโภคกันอยู่มีฤทธิ์ไปขัดขวางการทำงานของ
ต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายอ้วนขึ้น เกี่ยวเนื่องกับการเผาผลาญจึงทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญอาหารได้ต่ำ
แต่กรดไขมันสายกลางช่วยกระตุ้นไทรอยด์ให้ทำงานดีขึ้น และกรดไขมันสายกลางเปลี่ยนพลังงานที่ตับ
ให้ทำงานคล้ายกับคาร์โบไฮเดรต แต่ไม่สะสมเป็นไขมันเหมือนคาร์โบไฮเดรต และกรดไขมันสายกลาง
ยังช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน และยังกระตุ้นฮอร์โมนเลปตินไปยับยั้งการทานอาหาร โดยสั่งสมองว่า
อิ่มแล้วให้หยุดการทานหรือทานน้อยลง จึงทำให้ร่างกายสมสัดส่วนดีขึ้น อ้วนน้อยลง
11. ช่วยระบบการขับถ่าย / ขจัดล้างสารพิษออกจากร่างกาย
ในน้ำมันสกัดรวมลดอาการภาวะท้องผูก ช่วยลดภาวะเสี่ยงต่อโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ใหญ่
กรดไขมันสายกลางช่วยทำให้หน่วยกรองของไตกลับมาทำงานได้ดีขึ้น การขับปัสสาวะเป็นปกติขึ้น
กรดอัลลฟ่าไลโปอิคช่วยกำจัดสารพิษ โลหะหนัก เช่น ปรอท ตะกั่ว ออกจากร่างกายได้ดี
12. ป้องกันต่อมลูกหมากโตสาเหตุมะเร็งต่อมลูกหมาก
มีงานวิจัยว่าฮอร์โมนเพศชายเป็นสาเหตุสำคัญ โดยเฉพาะ DHT ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการเปลี่ยนฮอร์โมน
เทสทอสเตอโรนโดยอาศัยเอนไซม์ 5-ALPHA-REDUCTASE(DHT)ออกฤทธิ์ ทำให้เกิดภาวะ
ต่อมลูกหมากโต/อักเสบ/มะเร็ง และสาเหตุศีรษะล้าน เริ่มมีอาการตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป และจะมีความรุนแรง
มากขึ้นเรื่อยๆตามอายุที่มากขึ้น สารอาหารสำคัญที่อยู่ในน้ำมันรวมและกรดไขมันสายกลางจะไปช่วย
ลดภาวะของ DHT ให้ลดลงได้ทำให้อาการต่างๆที่เป็นอยู่ดีขึ้นโดยลำดับ
13. ช่วยปรับสภาพสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย
ในน้ำมันสกัดรวมมี Omega 3 ที่ไปช่วยไม่ให้ Omega 6 มีมากเกินไปในร่างกาย สาเหตุของการอักเสบต่างๆ
รวมทั้งภาวะฮอร์โมนทำงานผิดปกติ วิตามิน E, Q10 ช่วยลดอาการแปรปรวนต่าง ๆ ของคนวัยทอง
หรือหมดประจำเดือน ทั้งหมดที่มีอยู่ในน้ำมันสกัดรวมจะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายทำงานได้ที่ขึ้น
---------------------------------------------
เพิ่มเติม น้ำมันมะพร้าวเป็น น้ำมัน MCT(ไขมันสายกลาง, โมเลกุลเล็ก)
สิ่งที่ทำให้น้ำมันมะพร้าวมีข้อได้เปรียบในการควบคุมน้ำหนักอยู่ที่ผลของมันต่อขบวนการเมตาบอลิสซึม
น้ำมันมะพร้าว มี MCT ซึ่งทำให้โมเลกุลของน้ำมันมะพร้าว มีขนาดเล็กกว่าโมเลกุลของน้ำมันอื่น ๆ ซึ่งมี
LCT เพราะฉะนั้น มันจึงถูกย่อยได้เร็วมาก เร็วจนกระทั่งร่างกายของเรา ใช้มันเป็นแหล่งของพลังงานทันที
มากกว่าที่จะนำไปสะสมเป็นอาหารสำรองในรูปของไขมันที่ไปสะสมในส่วนต่างๆ ของร่างกาย MCT
จะถูกใช้ไปเพื่อการสร้างพลังงาน คล้ายกับคาร์โบไฮเดรต
ดังนั้น มันจึงไม่เคลื่อนย้ายในกระแสเลือดคล้ายไขมันอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้เอง น้ำมันมะพร้าวจึงไม่มีส่วน
ในการจัดหาไขมันให้แก่เซลล์ไขมัน หรือไปเพิ่มน้ำหนักตัวให้แก่ร่างกายของผู้บริโภคมีการศึกษา
อันหนึ่ง (Crozier และคณะ, 1987) ที่ประเมินน้ำหนักตัว และการสะสมไขมันของอาหารสามชนิด คือ
(1) ไขมันต่ำ (2) ไขมันสูงที่เป็น LCT และ (3) ไขมันสูงที่เป็น MCT โดยได้ปรับให้มีแคลอรีสูงเพื่อกระตุ้น
ให้เพิ่มน้ำหนัก โดยใช้เวลาในการทดลองรวม 44 วัน เมื่อถึงกำหนด ผู้ที่กินอาหารไขมันต่ำสะสมไขมันเฉลี่ย
วันละ 0.47 กรัม ผู้ที่กินอาหาร LCT สะสมไขมันเฉลี่ยวันละ 0.48 กรัม ในขณะที่ผู้ที่กินอาหาร MCT สะสม
ไขมันเฉลี่ยวันละ 0.19 กรัม
ผู้วิจัยจึงสรุปว่า ผู้ที่กินอาหาร MCT สามารถลดปริมาณอาหารได้ 60% ของปริมาณไขมันที่เก็บสะสม
ในร่างกายเมื่อเปรียบกับอาหารอื่น ๆ เพราะว่า MCT ถูกใช้โดยร่างกายเป็นแหล่งของเชื้อเพลิงเพื่อ
ผลิตพลังงาน มันจึงมีผลในการกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิสซึม Dulloo และคณะ (1996)
ได้ศึกษาพบว่า MCT ไปกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิสซึม จึงไปช่วยเพิ่มการใช้แคลอรีของร่างกาย
ด้วยเหตุนี้ แคลอรีที่เราบริโภคเข้าไปในรูปของอาหาร จึงถูกเผาผลาญในอัตราสูงขึ้น จึงมีจำนวนน้อยที่
เหลือสะสมเป็นไขมันในร่างกาย การกระตุ้นเมตาบอลิสซึมนี้ เกิดขึ้นเป็นเวลานานกว่า 24 ชั่วโมงหลังจาก
กินอาหารที่มี MCT ผลลัพธ์ก็คือ คุณได้พลังงานที่เพิ่มขึ้น และเผาผลาญแคลอรีในอัตราที่เพิ่มขึ้นเป็นเวลา
หลายชั่วโมงหลังจากกินอาหารเข้าไป
ข้อมูลจากหนังสือ
น้ำมันมะพร้าวลดความอ้วนได้อย่างไร ?โดย ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น